Skip to content
สำนักงานเกษตรอำเภอยะหา

สำนักงานเกษตรอำเภอยะหา

กรมส่งเเสริมการเกษตร

ระวังโรคตายพราย หรือ โรคปานามาที่เกิดจากเชื้อรา Fusarium สายพันธุ์ TR 4 ในกล้วยหอม

Posted on November 13, 2024November 13, 2024 By Abdulyalyl Burapa

เตือนเกษตรกรปลูกกล้วยหอม เฝ้าระวังโรคตายพราย หรือ โรคปานามาที่เกิดจากเชื้อรา Fusarium สายพันธุ์ TR 4 ในกล้วยหอม เนื่องจากปัจจุบันมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยโดยเฉพาะกล้วยหอมเขียวหรือกล้วยหอมคาเวนดิชซึ่งเป็นพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรคเหี่ยวควร หมั่น สำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ ลักษณะอาการ โรคนี้เกิดจากระบบท่อลำเลียงของพืชถูกทำลาย โดยเชื้อเข้าสู่รากและแพร่กระจายสู่ระบบท่อน้ำพืช เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเนื้อเยื่อตายเป็นสีน้ำตาลในท่อลำเลียงของล้าต้นเทียมกล้วย และลุกลามขึ้นสู่ก้านใบ อาการภายนอกทำให้โคนใบแก่ด้านนอกมีสีซีด เหลือง และผืนใบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลโดยเริ่มจากขอบใบเข้าสู่กลางใบ และใบหักพับภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ท้าให้เห็นอาการใบเหลืองจากใบล่างขึ้นไป ต่อมาใบและกิ่งเริ่มเหี่ยว และร่วง เซลล์ตามขอบใบตายและทำให้ต้นตายในที่สุด บางครั้งอาจพบอาการผลอาจเน่าและร่วงรากอาจจะเจริญออกทางด้านข้าง และเน่าภายหลัง และ ที่สำคัญเชื้อรา Fusarium สายพันธุ์ TR4 มีความสามารถอยู่รอดในดินได้นานมากกว่า 15 ปี รวมทั้งยังสามารถแพร่กระจายไปกับส่วนขยายพันธุ์ที่เป็นโรค ดิน น้ำที่ปนเปื้อนเชื้อราสาเหตุของโรคด้วย

แนะนำวิธีการป้องกันกำจัด ดังนี้

  1. หมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
  2. หากต้องการปลูกกล้วยในพื้นที่ใหม่ ควรเลือกแปลงปลูกที่ไม่เคยพบโรคนี้มาก่อน
  3. ปรับสภาพดินไม่ให้เป็นกรดจัด โดยใส่ปูนขาว หรือโดโลไมท์
  4. รองก้นหลุมปลูกด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดสดผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ ใช้เชื้อสดผสมกับร้าข้าวละเอียด และปุ๋ยอินทรีย์(ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอกเก่า) ในอัตราส่วน 1: 4: 100โดยน้ำหนักอัตรา 100 -200กรัมต่อหลุม
  5. ควรเลือกหน่อกล้วยจากแหล่งปลูกที่ไม่เคยมีการระบาดของโรคนี้ หรือไม่น้าหน่อพันธุ์จากต้นตอที่เป็นโรคไปปลูก
    6.ชุบหน่อพันธุ์กล้วยด้วยสารเคมี อีไตรไดอะโซล+ควินโตซีน 6% + 24% อีซีหรือ คาร์เบนดาซิม50% เอสซี หรือ ทีบูโคนาโซล 43% เอสซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
  6. แปลงปลูกควรมีการระบายน้ำที่ดี ควรระมัดระวังการให้น้ำไม่ให้น้ำไหลผ่านจากต้นที่เป็นโรคไป ต้นปกติ
  7. หากพบต้นที่เป็นโรคควรรีบดำเนินการ ดังนี้
    8.1 ขุดต้นที่เป็นโรคออกไปเผาท้าลายนอกแปลงปลูก แล้วโรยด้วยปูนขาวให้ทั่วบริเวณกอที่
    เป็นโรค และหลุมที่ขุดต้นเป็นโรคออกไปอัตรา 1 – 2 กิโลกรัมต่อหลุม
    8.2 หว่านใต้ทรงพุ่มหรือโรยโคนต้นพืชด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดสดผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ ใช้เชื้อสดผสมกับร้าข้าวละเอียดและปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอกเก่า) ในอัตราส่วน 1 : 4 : 100 โดยน้ำหนักอัตรา 3 – 5 กิโลกรมต่อต้นหรือต่อกอ 8.3 ในแปลงที่มีการระบาดของโรค ควรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน
  8. ควรทำความสะอาดอุปกรณ์การเกษตรที่ใช้กับต้นที่เป็นโรคทุกครั้งก่อนน้าไปใช้ใหม่

ที่มา: เพจสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร

งานอารักขาพืช

Post navigation

Previous Post: เกษตรยะหา ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทบทวนหลังจากปฏิบัติงาน (AAR)
Next Post: ชีวภัณฑ์บีเอส ดีโอเอ-19W6 ปักหมุดโรคกุ้งแห้งพริกสำเร็จ เกษตรกรผลิตขยายเองได้ในนมกล่อง

`ค้นหาข้อมูลภายในเว็บไซต์

October 2025
M T W T F S S
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031  
« Jun    

สำนักงานเกษตรอำเภอยะหา 7 ถนนเสนานุรักษ์ ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา 95120 โทรศัพท์ 0 7329 1185 E-mail : yaha@doae.go.th Website : https://yala.doae.go.th/yaha Facebook : สนง.เกษตรอำเภอยะหา จังหวัดยะลา

Webmaster: Abdulyalyl Burapa (Chief of Yaha District Agricultural Extension Office) and Mrs. Kamilah Hama (Agricultural Extensionist)

Copyright © 2025 สำนักงานเกษตรอำเภอยะหา.

Powered by PressBook WordPress theme